วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557
บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่ 15 (11/02/57)
ไม่ได้เข้าเรียน
เนื่องจากติดสอบวิชาการจัดประสบการณ์ศิลปะสร้างสรรค์สำหรับเด็กปฐมวัย
วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557
บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่ 14 (04/02/57)
การเรียนการสอนและกิจกรรมที่ทำในชั้นเรียน
- วันนี้อาจารย์ได้สอนเนื้อหาเรื่อง
เนื้อหาที่เรียนในวันนี้
Autistic ออทิสติก
- ส่งเสริมความเข้มแข็งของครอบครัว
- ส่งเสริมความสามารถของเด็ก
- การปรับพฤติกรรมและฝึกฝนทักษาทางสังคม
- การฝึกพูด
- การส่งเสริมพัฒนาการ
- การฟื้นฟูสมรรถภาพทางการศึกษา
- การฟื้นฟูสมมถภาพทางสังคม
- การรักษาด้วยยา
- การบำบัดทางเลือก การสื่อความหมายทดแทน AAC
- ศิลปกรรมบำบัด Art Therapy
- ดนตรีบำบัด Music Therapy
- การฝังเข็ม Acupun Cture
- การบำบัดด้วยสัตว์ Animal Therapy
บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่ 12 (21/01/57)
กิจกรรมการเรียนการสอน
- พัฒนาการของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ
เด็กที่มีความบกพร่องทางพัฒนาการ หมายถึงเด็กที่มีพัฒนาการล่าช้ากวาเด็กปกติในวัยเดียวกัน พัฒนาการล่าช้าอาจพบเพียงด้านใดด้านหนึ่งหรือหลายด้านหรือทุกด้าน และพัฒนาการล่าช้าในด้านหนึ่งอาจส่งผลในพัฒนาการในด้านอื่นล่าช้าด้วยก็ได้
ปัจจัยที่มีผลต่อพัฒนาการเด็ก
-ปัจจัยทางด้านชีวภาพ เกี่ยวข้องกับลักษณะทางพันธุกรรม
-ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมก่อนคลอด การติดเชื้อ สารพิษ สภาวะทางโภชนาการ
-ปัจจัยด้านกระบวนการคลอด การเกิดภาวะแทรกซ้อนในระยะคลอด
-ปัจจัยทางด้านสภาวะแวดล้อมหลังคลอด สภาวะหลังคลอด ปัจจัยด้านระบบประสาท และสภาพแวดล้อมส่งผลร่วมต่อพัฒนาการของเด็ก
สาเหตุที่ทำให้เกิดความบกพร่องทางพัฒนาการ1. โรคทางพันธุกรรม
2. โรคของระบบประสาท
3. การติดเชื้อ
4. การผิดปกติเกี่ยวกับเมตาบอลิซึม
5. ภาวะแทรกซ้อนระยะเกิด
6. สารเคมี
7. การเลี้ยงดูที่ไม่เหมาสมรวมทั้งการขาดสารอาหาร
อาการของเด็กที่มีความบกพร่องทางพัฒนาการ มีพัฒนาการล่าช้าอาจจะพบมากกว่า 1 ด้าน
แนวทางการวินิจฉัยเด็กที่มีความบกพร่องทางพัฒนาการ
1. การซักประวัติ
2. การตรวจร่างกาย
3. การสืบค้นทางห้องปฏิบัติการ
4. การประเมินพัฒนาการ
แนวทางในการดูแลรักษา
1. หาสาเหตุที่ทำให้เกิดความบกพร่องทางพัฒนาการล่าช้า
2. การตรวจค้นหาความผิดปกติร่วม
3. การรักษาสาเหตุโดยตรง
4. การส่งเสริมพัฒนาการ
5. ให้คำปรึกษากับครอบครัว
สรุปขั้นตอนในการดูแลเด็กที่มีความบกพร่องทางพัฒนาการ
1. การตรวคิดกรองพัฒนาการ
2. การตรวประเมินพัฒนาการ
3. การให้การวินิจฉัยและสาเหตุ
4. การให้การรักษาและส่งเสริมพัฒนาการ
5. การติดตามและประเมินผลการรักษาเป็นระยะ
บริการที่สำคัญสำหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางพัฒนาการ
1. การตรวจการได้ยิน
2. การให้คำปรึกษาครอบครัว
3. การจัดโปรแกรมการศึกษา
4. บริการทางการแพทย์
5. บริการทางการพยาบาล
6. บริการด้านโภชนาการ
7. บริการด้านจิตวิทยา
8. กายภาพบำบัด
9. กิจกรรมบำบัด
10. อรรถบำบัด
- อาจารย์ให้วาดรูปตามแบบ

- อาจารย์ให้นำเสนองานต่อให้เสร็จอีก 2 กลุ่ม มีเรื่อง ดาวซินโดม และ ออทิสติก
- อาจารย์นัดสอบในสัปดาห์หน้า
บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่ 11 (14/01/57)
การเรียนการสอนและกิจกรรมที่ทำในชั้นเรียน
การเรียนการสอนในวันนี้อาจารย์งดการเรียนการสอน เนื่องจากเพื่อนๆหลายๆคนมีปัญหาเรื่องการเดินทาง แต่อาจารย์ได้สั่งงานให้นักศึกษาไปทำ ดังนี้
*ให้นักศึกษาทุกคนเตรียมสรุปงานวิจัยที่หามาใส่กระดาษA4 ตามหัวข้อนี้ (ส่งภายในวันที่ 19 ก.พ.)*
- ชื่องานวิจัย/ชื่อผู้วิจัย/มหาวิทยาลัย
- ความสำคัญและความเป็นมาของงานวิจัย
- วัตถุประสงค์ของการวิจัย
- ตัวแปรที่ใช้ในการวิจัย
- นิยามศัพท์เฉพาะ
- ประชากร/กลุ่มตัวอย่าง
- เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
- การดำเนินการวิจัย
- สรุปผลการวิจัย
- ความคิดเห็นของนักศึกษาที่มีต่องานวิจัยชิ้นนี้
บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่ 10 (07/01/57)
การเรียนการสอนและกิจกรรมที่ทำในชั้นเรียน
- วันนี้อาจารย์ได้เเจกใบงานเรื่อง พัฒนาการของเด็กที่มึความต้องการพิเศษ ต่อจากนั้นอาจารย์ได้ให้นักศึกษาแต่ละกลุ่มออกมานำเสนองานหน้าชั้นเรียน ดังนี้
สาเหตุ
1. มีความผิดปกติเกิดขึ้นตั้งแต่เด็กอยู่ในครรภ์มารดา เช่น มารดาเป็นโรคหัดเยอรมัน มารดาขาดอาหารอย่างรุ่นแรง เป็นต้น เป็นผลให้สมองมีการเจริญเติบโตผิดปกติ
2. เด็กคลอดยาก
3. มีอาการดีซ่านอย่างรุ่นแรงในระยะหลังคลอด
4. เป็นภาวะแทรกซ้อนจากโรคทางสมอง
อาการ
- มีพัฒนาการช้ากว่าเด็กปกติ
- กล้ามเนื้อจะเกร็งตัวมาก
- มีความเคลื่อนไหวผิดปกติ
สาเหตุ
- การได้รับบาดเจ็บทางสมอง
- พันธุกรรม
- สิ่งแวดล้อม
ประเภทของ LD
1. LD ด้านการเขียนสะกดคำ
2. LD ด้านการอ่าน
3. LD ด้านการคำนวณ
4. LD หลายๆ ด้านรวมกัน
อาการ
- แยกแยะขนาดสีและรูปร่างไม่ออก
- มีปัญาหาความเข้าใจเกี่ยวกับเวลา
- เขียน/อ่านตัวอักษรสลับซ้ายขวา
- สมาธิไม่ดี
- ทำงานช้า
- ฟังคำสับสน
สาเหตุ
-เกิดจากความผิดปกติของสมองแต่ระบุไม่ได้ว่าเกิดจากสาเหตุใดที่ทำให้สมองผิดปกติ
อาการ
1. อาการซนมากกว่าปกติ
2. อาการสมาธิสั้น หรือไม่มีสมาธิ
3. อาการหุนหันพลันแลน
การรักษา
1. จัดตารางชีวิตให้เป็นระบบ
2. เลือกกิจกรรมให้เหมาะสม
3. ทำงานบ้าน
4. สอนแบบค่อยเป็นค่อยไป
5. ให้เวลา
6. จัดสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสม
บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่ 7 (17/12/56)
ไม่มีการเรียนการสอน
เนื่องจากมีการแข่งกีฬา เทา-เหลือง ของมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม
บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่ 5 (03/12/56)
ไม่มีการเรียนการสอน
เนื่องจากอุปกรณ์ในการเรียนขัดข้องอาจารย์เลยให้เอางานวิชาอื่นที่ค้างคามาทำในคาบเรียน
บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่ 4 (26/11/56)
- วันนี้อาจารย์ได้อธิบายความหมายของเด็กพิเศษ ต่อจากอาทิตย์ที่แล้ว
การเรียนการสอนและกิจกรรมที่ทำในชั้นเรียน
เนื้อหาที่เรียนในวันนี้
- เด็กที่ควบคุมอารมณ์ไม่ได้
- เด็กที่ควบคุมพฤติกรรมบางอย่างของตนเองไม่ได้
- ทำให้ไม่สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างเรียบร้อย
- เด็กที่ได้รับความกระทบกระเทือนทางอารมณ์
- เด็กที่ปรับตัวเข้ากับสังคมไม่ได้
- เด็กสมาธิสั้น ( เรียกย่อยๆว่า ADHD )
- เด็กออทิสติก หรือ ออทิสซึม
- ประเภทที่ 7 เด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้
- เรียกย่อๆว่า L.D.
- เด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้เฉพาะอย่าง
- เด็กที่มีปัญหาทางการใช้ภาษา หรือการพูด การเขียน
- ไม่นับรวมเด็กที่มีปัญหาเพียงเล็กน้อยทางการเรียน เด็กที่มีปัญหาเนื่องจากความพิการหรือความบกพร่องทางร่างกาย
- มีปัญหาในทักษะคณิตศาสตร์
- ปฏิบัติตามคำสั่งไม่ได้
- เล่าเรื่อง / ลำดับเหตุการณ์ไม่ได้
- มีปัญหาทางด้านการอ่าน เขียน
- ประเภทที่ 8 เด็กออทิสติก
- หรือ ออทิซึม
- เด็กที่มีความบกพร่องอย่างรุนแรงในการสื่อความหมายพฤติกรรม สังคม และความสามารถทางสติปัญญาในการรับรู้
- เด็กออทิสติกแต่ละคนจะมีเอกลักษณ์ของตนเอง
- ติดตัวเด็กไปตลอดชีวิต
- อยู่ในโลกของตนเอง
- ไม่เข้าไปหาใครเพื่อปลอบใจ
- ไม่เข้าไปเล่นในกลุ่มเพื่อน
- ไม่ยอมพูด
- เคลื่อนไหวแบบช้าๆ
- ยึดติดวัตถุ
- ต่อต้าน หรือแสดงกิริยาอารมณ์รุนแรง และไร้เหตุผล
- มีที่ทำเหมือนหูหนวก
- ใช้วิธีการสัมผัส และเรียนรู้สิ่งต่างๆ ด้วยวิธีการที่ต่างไปจากคนทั่วไป
- ประเภทที่ 9 เด็กพิการซับซ้อน
- เด็กที่มีความบกพร่องที่มากกว่าหนึ่งอย่าง เป็นเหตุให้เกิดปัญหาขัดข้องในการเรียนรู้อย่างมาก
- เด็กปัญญาอ่อนที่สูญเสียการได้ยิน
- เด็กปัญญาอ่อนที่ตาบอด
- เด็กที่ทั้งหูหนวกและตาบอด
- ต่อจากนั้น อาจารย์ได้แจกกระดาษ A4 ให้นักศึกษาคนละ 1 แผ่น และให้ดูคลิปโทรทัศน์ครู เรื่องศูนย์การศึกษาพิเศษ โรงเรียนสาธิตละอออุทิศ แล้วสรุปเป็น Mind Map ลงในแผ่นกระดาษ A4 ที่อาจารย์
- ย์แจกให้
บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่ 3 (19/11/56)
การเรียนการสอนและกิจกรรมที่ทำในชั้นเรียน
- อาจารย์ได้อธิบาย ควมหมายของเด็กพิเศษ ต่อจากอาทิตย์ที่แล้ว
เนื้อหาที่เรียนในวันนี้
- เด็กที่มีอวัยวะที่สมส่วน
- อวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งหายไป
- มีปํญหาทางระบบประสาท
- มีความลำบาก จำแนก 2 ประเภท 1. อาการบกพร่องทางร่างกาย 2. ความบกพร่องทางสุขภาพ
เด็กจะพูดไม่ชัด ออกเสียงผิดเพี้ยน อวัยวะที่ใช้ในการพูดไม่สามารถเป็นไปตามลำดับขั้น
- ความผิดปกติด้านการออกเสียง ออกเสียงผิดเพี้ยงไปจากมาตรฐานของภาษาเดิม
- ความผิดปกติด้านจังหวะเวลาของการพูด เช่น การพูดรัว การพูดติดอ่าง
- ความผิดปกติด้านเสียง ระดับเสียง ความดัง คุณภาพของเสียง
- ความผิดปกติทางการพูดและภาษาอันเนื่องมาจากพยาธิที่สมอง
- ได้ความรู้เกี่ยวประเภทของเด็กพิเศษเพิ่มเติมมากขึ้น
- ทำให้สามารถจำเนื้อหาการเรียนได้ดีขึ้น เพราะอาจารย์ได้ให้นักศึกษาจดเนื้อหาการเรียนใส่สมุดแต่หลังจากการเรียนอาจารย์จะแจกชีสเนื้อหาให้อีกที
- บล็อค(บันทึการเข้าเรียนครั้งที่3)
บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่ 2 (12/11/56)
การเรียนการสอนและกิจกรรมที่ทำในชั้นเรียน
- วันนี้อาจารย์ได้สรุปคะแนนทั้งหมด ดังนี้
- จิตพิสัย 10 คะแนน งานเดี่ยว (วิจัย) 10 คะเเนน
- งานกลุ่ม (นำเสนอ) 20 คะแนน
- บันทึกอนุทินลง Blog 20 คะแนน
- โทรทัศน์ครู 10 คะแนน
- สอบกลางภาค 15 คะแนน
- สอบปลายภาค 15 คะแนน
- อาจารย์ให้นักศึกษาแบ่งกลุ่ม 9 คน 3 กลุ่ม / 10 คน 2 กลุ่ม โดยมีหัวข้อเรื่องที่ต้องทำ ดังนี้
- เด็ก ซี.พีเด็ก
- ดาวน์ซินโดรม
- เด็กออทิสติก
- เด็กสมาธิสั้น
- เด็กแอลดี
เนื้อหาที่เรียนในวันนี้
- กลุ่มเด็กที่มีลักษณะทางความสามารถสูง มีความเป็นเลิศทางสติปํญญา เรียกโดยทั่วๆไปว่า "เด็กสติปํญญาเลิศ"
- กลุ่มเด็กที่มีลักษณะทางความบกพร่อง
- เด็กบกพร่องทางสติปัญญา
- เด็กบกพร่องทางการได้ยิน
- เด็กบกพร่องทางการเห็น
- เด็กบกพร่องทางร่างกายและสุขภาพ
- เด็กบกพร่องทางการพูดและภาษา
- เด็กบกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์
- เด็กที่มีปํญหาทางการเรียนรู้
- เด็กออทิสติก
- เด็กพิการซ้อน
ประเภทที่ 1 เด็กบกพร่องทางสติปัญญา
หมายถึง เด็กที่มีระดับสติปํญญาหรือเชาว์ปํญญาต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยเมื่อเทียบเด็กในอายุเดียวกัน มี 2 กลุ่ม คือ 1. เด็กเรียนช้า 2. เด็กปัญญาอ่อน
ประเภทที่ 2 เด็กบกพร่องทางการได้ยิน
หมายถึง สูญเสียการได้ยินเป็นเหตุให้การรับฟังเสียงต่างๆ ได้ไม่ชัดเจน มี 2 ประเภท คือ 1. หูตึง 2. หูหนวก
ประเภทที่ 3 เด็กบกพร่องทางการเห็น
เด็กที่มองไม่เห็นหรือพอเห็นแสง เห็นเลือนลาง มีความบกพร่องทางสายตาทั้งสองข้าง สามารถเห็นได้ไม่ถึง 1/10 ของคนสายตาปกติ มีลานสายตากว้งไม่เกิน 30 องศา จำแนกได้ 2 ประเภท คือ 1. เด็กตาบอด 2. เด็กตาบอดไม่สนิท
สะท้อนการเรียนรู้
- ได้ความรู้เกี่ยวความหมาย ประเภทของเด็กพิเศษ
- ทำให้สามารถจำเนื้อหาการเรียนได้ดีขึ้น เพราะอาจารย์ได้ให้นักศึกษาจดเนื้อหาการเรียนใส่สมุดแต่หลังจากการเรียนอาจารย์จะแจกชีสเนื้อหาให้อีกที
การบ้าน
- บล็อค(บันทึการเข้าเรียนครั้งที่2)
บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่ 1 (05/11/56)
การเรียนการสอนและกิจกรรมที่ทำในชั้นเรียน
- อาจารย์เบียร์ได้แจกแนวการสอน(Course Syllabus) พร้อมทั้งชี้แจงและอธิบายรายละเอียดต่างๆให้นักศึกษาทราบ
- อาจารย์ได้แจกใบบันทึกการเข้าเรียน โดยแต่ละสัปดาห์นักศึกษาจะต้องนำใบบันทึกการเข้าเรียนมาให้อาจารย์เบียร์ปั้ม *สัปดาห์นี้อาจารย์ได้ปั้มรูปคิตตี้สีแดงให้
- อาจารย์ให้นักศึกษาทำ Mind Mapping ในหัวข้อเรื่องเด็กพิเศษ โดยให้นักศึกษาแต่ละคนนำความรู้ที่มีหรือจากประสบการณ์เดิมมาใส่ พร้อมตกแต่งให้สวยงาม หลังจากนั้นอาจารย์ให้ส่งตัวแทนห้อง 2 คนออกมานำเสนอผลงานให้เพื่อนและอาจารย์ฟัง
- ทำให้ได้รู้จักการจัดสรรเวลาในการทำงานแต่ละชิ้นแต่ละอย่างได้อย่างเหมาะสม
- สามารถนำความรู้เดิมๆมาสะท้อนในการทำ Mind Mapping ได้
- ทำให้รู้จักเป้นคนตรงต่อเวลา
- งานเดี่ยว = ทำBlog(การบันทึกการเข้าเรียน) โดยมีหัวข้อดังต่อไปนี้คือ การเรียนการสอน กิจกรรมที่ทำในชั้นเรียน สะท้อนการเรียนรู้ *โดยกิจกรรมที่ทำในชั้นเรียนจะต้องมีรูปภาพชิ้นงานด้วย
- งานเดี่ยว = สรุปวิจัยเกี่ยวกับเด็กพิเศษ โดยวิจัย 1 เรื่องจะซ้ำกันได้แค่ 2 คน
- งานกลุ่ม = แบ่งกลุ่มละ 10 คน
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)