วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่ 14 (04/02/57)


การเรียนการสอนและกิจกรรมที่ทำในชั้นเรียน 
  •  วันนี้อาจารย์ได้สอนเนื้อหาเรื่อง


เนื้อหาที่เรียนในวันนี้


Autistic ออทิสติก
  • ส่งเสริมความเข้มแข็งของครอบครัว 
ครอบครัวมีบทบาทที่สำคัญที่สุดในกระบวนการดูแล ช่วยเหลือเด็กออทิสติก
  • ส่งเสริมความสามารถของเด็ก 
การเสริมสร้างโอกาสให้เด็กได้เล่นที่หลากหลาย ทำกิจกรรมและฝึกฝนทักษะทางสังคม
  • การปรับพฤติกรรมและฝึกฝนทักษาทางสังคม
 เพิ่มพฤติกรรมที่เหมาะสมและลดฟฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม การให้แรงเสริม
  • การฝึกพูด 
 โดยเฉพาะในราวที่มีพัฒนาการด้านภาษา
  • การส่งเสริมพัฒนาการ 
ให้เด็กมีพัฒนาการเป็นไปตามวัย เน้นในเรื่องการมองหน้า สบตา การมีสมาธิ การฟัง และการทำตามคำสั่ง ส่งเสริมพัฒนาการด้านอื่นที่ล่าช้าควบคู่กับการพัฒนาทักษะด้านการสื่อสาร สังคม และการปรับพฤติกรรม
  • การฟื้นฟูสมรรถภาพทางการศึกษา 
เพิ่มทักษะขั้นพื้นฐานด้านสังคม การสื่อสาร และทักษะทางความคิดแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล โรงเรียนเรียนร่วม ห้องเรียนคู่ขนาน
  • การฟื้นฟูสมมถภาพทางสังคม 
ทักษะการใช้ชีวิตประจำวันและการฝึกฝนทักษะทางสังคม ให้เด็กสามารถทำได้ด้วยตนเองเติมความสามารถ โดย ต้องการความช่วยเหลือน้อยที่สุด
  • การรักษาด้วยยา 
Methylphenidate <Ritalin> ช่วยลดอาการไม่นิ่งจนหุนหันพลันแล่น/ขาดสมาธิRisperidone/Haloperidol ช่วยลดอาการอยู่ไม่นิ่ง หงุดหงิด หุนหันพลันแล่น พฤติกรรมซ้ำๆ พฤติกรรมก้าวร้าว รุนแรง ยาในกลุ่ม Anticonvulsawt (ยากินชัก) ได้ผลในเด็กที่มีพฤติกรรมทำร้ายตนเอง
  • การบำบัดทางเลือก การสื่อความหมายทดแทน AAC
  1. ศิลปกรรมบำบัด Art Therapy 
  2. ดนตรีบำบัด Music Therapy
  3. การฝังเข็ม Acupun Cture
  4. การบำบัดด้วยสัตว์ Animal Therapy

บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่ 13 (28/01/57)


สอบกลางภาคในคาบเรียน 


บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่ 12 (21/01/57)


กิจกรรมการเรียนการสอน

  • พัฒนาการของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ
     พัฒนาการ หมายถึง การเปลี่ยนแปลงในด้านการทำหน้าที่ โดยทั่วไปพัฒนาการปกติแบ่งออกเป็น 4 ด้าน คือ พัฒนาการด้านร่างกาย พัฒนาการด้านสติปัญญา พัฒนาการด้านจิตใจ - อารมณ์ พัฒนาการด้านสังคม
     เด็กที่มีความบกพร่องทางพัฒนาการ หมายถึงเด็กที่มีพัฒนาการล่าช้ากวาเด็กปกติในวัยเดียวกัน พัฒนาการล่าช้าอาจพบเพียงด้านใดด้านหนึ่งหรือหลายด้านหรือทุกด้าน และพัฒนาการล่าช้าในด้านหนึ่งอาจส่งผลในพัฒนาการในด้านอื่นล่าช้าด้วยก็ได้

ปัจจัยที่มีผลต่อพัฒนาการเด็ก
-ปัจจัยทางด้านชีวภาพ เกี่ยวข้องกับลักษณะทางพันธุกรรม
-ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมก่อนคลอด การติดเชื้อ สารพิษ สภาวะทางโภชนาการ
-ปัจจัยด้านกระบวนการคลอด การเกิดภาวะแทรกซ้อนในระยะคลอด
-ปัจจัยทางด้านสภาวะแวดล้อมหลังคลอด สภาวะหลังคลอด ปัจจัยด้านระบบประสาท และสภาพแวดล้อมส่งผลร่วมต่อพัฒนาการของเด็ก

สาเหตุที่ทำให้เกิดความบกพร่องทางพัฒนาการ1. โรคทางพันธุกรรม
2. โรคของระบบประสาท
3. การติดเชื้อ
4. การผิดปกติเกี่ยวกับเมตาบอลิซึม
5. ภาวะแทรกซ้อนระยะเกิด
6. สารเคมี
7. การเลี้ยงดูที่ไม่เหมาสมรวมทั้งการขาดสารอาหาร
อาการของเด็กที่มีความบกพร่องทางพัฒนาการ มีพัฒนาการล่าช้าอาจจะพบมากกว่า 1 ด้าน
แนวทางการวินิจฉัยเด็กที่มีความบกพร่องทางพัฒนาการ
1. การซักประวัติ
2. การตรวจร่างกาย
3. การสืบค้นทางห้องปฏิบัติการ
4. การประเมินพัฒนาการ

แนวทางในการดูแลรักษา
1. หาสาเหตุที่ทำให้เกิดความบกพร่องทางพัฒนาการล่าช้า
2. การตรวจค้นหาความผิดปกติร่วม
3. การรักษาสาเหตุโดยตรง
4. การส่งเสริมพัฒนาการ
5. ให้คำปรึกษากับครอบครัว

สรุปขั้นตอนในการดูแลเด็กที่มีความบกพร่องทางพัฒนาการ
1. การตรวคิดกรองพัฒนาการ
2. การตรวประเมินพัฒนาการ
3. การให้การวินิจฉัยและสาเหตุ
4. การให้การรักษาและส่งเสริมพัฒนาการ
5. การติดตามและประเมินผลการรักษาเป็นระยะ

บริการที่สำคัญสำหรับเด็กที่มีความบกพร่องทางพัฒนาการ
1. การตรวจการได้ยิน
2. การให้คำปรึกษาครอบครัว
3. การจัดโปรแกรมการศึกษา
4. บริการทางการแพทย์
5. บริการทางการพยาบาล
6. บริการด้านโภชนาการ
7. บริการด้านจิตวิทยา
8. กายภาพบำบัด
9. กิจกรรมบำบัด
10. อรรถบำบัด
  • อาจารย์ให้วาดรูปตามแบบ

  • อาจารย์ให้นำเสนองานต่อให้เสร็จอีก 2 กลุ่ม มีเรื่อง ดาวซินโดม และ ออทิสติก
  • อาจารย์นัดสอบในสัปดาห์หน้า

บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่ 11 (14/01/57)


การเรียนการสอนและกิจกรรมที่ทำในชั้นเรียน
          การเรียนการสอนในวันนี้อาจารย์งดการเรียนการสอน เนื่องจากเพื่อนๆหลายๆคนมีปัญหาเรื่องการเดินทาง แต่อาจารย์ได้สั่งงานให้นักศึกษาไปทำ ดังนี้
*ให้นักศึกษาทุกคนเตรียมสรุปงานวิจัยที่หามาใส่กระดาษA4 ตามหัวข้อนี้ (ส่งภายในวันที่ 19 ก.พ.)*
  1. ชื่องานวิจัย/ชื่อผู้วิจัย/มหาวิทยาลัย
  2. ความสำคัญและความเป็นมาของงานวิจัย
  3. วัตถุประสงค์ของการวิจัย
  4. ตัวแปรที่ใช้ในการวิจัย
  5. นิยามศัพท์เฉพาะ
  6. ประชากร/กลุ่มตัวอย่าง
  7. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
  8. การดำเนินการวิจัย
  9. สรุปผลการวิจัย
  10. ความคิดเห็นของนักศึกษาที่มีต่องานวิจัยชิ้นนี้

บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่ 10 (07/01/57)


การเรียนการสอนและกิจกรรมที่ทำในชั้นเรียน
  • วันนี้อาจารย์ได้เเจกใบงานเรื่อง พัฒนาการของเด็กที่มึความต้องการพิเศษ ต่อจากนั้นอาจารย์ได้ให้นักศึกษาแต่ละกลุ่มออกมานำเสนองานหน้าชั้นเรียน ดังนี้ 

กลุ่ม 1 เรื่องสมองพิการ
สาเหตุ
1. มีความผิดปกติเกิดขึ้นตั้งแต่เด็กอยู่ในครรภ์มารดา เช่น มารดาเป็นโรคหัดเยอรมัน มารดาขาดอาหารอย่างรุ่นแรง เป็นต้น เป็นผลให้สมองมีการเจริญเติบโตผิดปกติ
2. เด็กคลอดยาก
3. มีอาการดีซ่านอย่างรุ่นแรงในระยะหลังคลอด
4. เป็นภาวะแทรกซ้อนจากโรคทางสมอง
อาการ
- มีพัฒนาการช้ากว่าเด็กปกติ
- กล้ามเนื้อจะเกร็งตัวมาก
- มีความเคลื่อนไหวผิดปกติ

กลุ่ม 2 เด็ก LD
สาเหตุ
- การได้รับบาดเจ็บทางสมอง
- พันธุกรรม
- สิ่งแวดล้อม
ประเภทของ LD
1. LD ด้านการเขียนสะกดคำ
2. LD ด้านการอ่าน
3. LD ด้านการคำนวณ
4. LD หลายๆ ด้านรวมกัน
อาการ
- แยกแยะขนาดสีและรูปร่างไม่ออก
- มีปัญาหาความเข้าใจเกี่ยวกับเวลา
- เขียน/อ่านตัวอักษรสลับซ้ายขวา
- สมาธิไม่ดี
- ทำงานช้า
- ฟังคำสับสน

กลุ่ม 3 สมาธิสั้น ไฮเปอร์
สาเหตุ
-เกิดจากความผิดปกติของสมองแต่ระบุไม่ได้ว่าเกิดจากสาเหตุใดที่ทำให้สมองผิดปกติ
อาการ
1. อาการซนมากกว่าปกติ
2. อาการสมาธิสั้น หรือไม่มีสมาธิ
3. อาการหุนหันพลันแลน
การรักษา
1. จัดตารางชีวิตให้เป็นระบบ
2. เลือกกิจกรรมให้เหมาะสม
3. ทำงานบ้าน
4. สอนแบบค่อยเป็นค่อยไป
5. ให้เวลา
6. จัดสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสม

บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่ 9 (31/12/56)


ไม่มีการเรียนการสอน เนื่องจาก วันหยุดปีใหม่


บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่ 8 (24/12/56)


ไม่มีการเรียนการสอนเนื่องจากเป็นสัปดาห์สอบกลางภาค

บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่ 7 (17/12/56)


ไม่มีการเรียนการสอน

 เนื่องจากมีการแข่งกีฬา เทา-เหลือง ของมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม


บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่ 6 (10/12/56)


ไม่มีการเรียนการสอน   เนื่องจากเป็นวันหยุดราชกาลวันรัฐธรรมนูญ


บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่ 5 (03/12/56)


ไม่มีการเรียนการสอน

เนื่องจากอุปกรณ์ในการเรียนขัดข้องอาจารย์เลยให้เอางานวิชาอื่นที่ค้างคามาทำในคาบเรียน

บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่ 4 (26/11/56)


    การเรียนการสอนและกิจกรรมที่ทำในชั้นเรียน
  • วันนี้อาจารย์ได้อธิบายความหมายของเด็กพิเศษ ต่อจากอาทิตย์ที่แล้ว

    เนื้อหาที่เรียนในวันนี้

    ประเภทที่ 6 เด็กบกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์
  1. เด็กที่ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ 
  2. เด็กที่ควบคุมพฤติกรรมบางอย่างของตนเองไม่ได้ 
  3. ทำให้ไม่สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างเรียบร้อย
แบ่งออกได้ 2 ประเภท คือ
  1. เด็กที่ได้รับความกระทบกระเทือนทางอารมณ์ 
  2. เด็กที่ปรับตัวเข้ากับสังคมไม่ได้ 
เด็กที่มีความบกพร่องทางพฤติกรรม ซึ่งจัดว่ามีความรุนแรงมาก ได้แก่.
  1. เด็กสมาธิสั้น ( เรียกย่อยๆว่า ADHD ) 
  2. เด็กออทิสติก หรือ ออทิสซึม
    ประเภทที่ 7 เด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้
  1. เรียกย่อๆว่า L.D. 
  2. เด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้เฉพาะอย่าง 
  3. เด็กที่มีปัญหาทางการใช้ภาษา หรือการพูด การเขียน 
  4. ไม่นับรวมเด็กที่มีปัญหาเพียงเล็กน้อยทางการเรียน เด็กที่มีปัญหาเนื่องจากความพิการหรือความบกพร่องทางร่างกาย
ลักษณะของเด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้ 
  1. มีปัญหาในทักษะคณิตศาสตร์ 
  2. ปฏิบัติตามคำสั่งไม่ได้ 
  3. เล่าเรื่อง / ลำดับเหตุการณ์ไม่ได้ 
  4. มีปัญหาทางด้านการอ่าน เขียน
    ประเภทที่ 8 เด็กออทิสติก
  1. หรือ ออทิซึม 
  2. เด็กที่มีความบกพร่องอย่างรุนแรงในการสื่อความหมายพฤติกรรม สังคม และความสามารถทางสติปัญญาในการรับรู้ 
  3. เด็กออทิสติกแต่ละคนจะมีเอกลักษณ์ของตนเอง 
  4. ติดตัวเด็กไปตลอดชีวิต 
ลักษณะของเด็กออทิสติก
  1. อยู่ในโลกของตนเอง 
  2. ไม่เข้าไปหาใครเพื่อปลอบใจ 
  3. ไม่เข้าไปเล่นในกลุ่มเพื่อน 
  4. ไม่ยอมพูด 
  5. เคลื่อนไหวแบบช้าๆ 
  6. ยึดติดวัตถุ 
  7. ต่อต้าน หรือแสดงกิริยาอารมณ์รุนแรง และไร้เหตุผล 
  8. มีที่ทำเหมือนหูหนวก 
  9. ใช้วิธีการสัมผัส และเรียนรู้สิ่งต่างๆ ด้วยวิธีการที่ต่างไปจากคนทั่วไป
    ประเภทที่ 9 เด็กพิการซับซ้อน
  1. เด็กที่มีความบกพร่องที่มากกว่าหนึ่งอย่าง เป็นเหตุให้เกิดปัญหาขัดข้องในการเรียนรู้อย่างมาก
  2. เด็กปัญญาอ่อนที่สูญเสียการได้ยิน 
  3. เด็กปัญญาอ่อนที่ตาบอด 
  4. เด็กที่ทั้งหูหนวกและตาบอด

  • ต่อจากนั้น อาจารย์ได้แจกกระดาษ A4 ให้นักศึกษาคนละ 1 แผ่น และให้ดูคลิปโทรทัศน์ครู เรื่องศูนย์การศึกษาพิเศษ โรงเรียนสาธิตละอออุทิศ แล้วสรุปเป็น Mind Map ลงในแผ่นกระดาษ A4 ที่อาจารย์

  • ย์แจกให้

บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่ 3 (19/11/56)


การเรียนการสอนและกิจกรรมที่ทำในชั้นเรียน
  • อาจารย์ได้อธิบาย ควมหมายของเด็กพิเศษ ต่อจากอาทิตย์ที่แล้ว

เนื้อหาที่เรียนในวันนี้

ประเภทที่ 4 เด็กบกพร่องทางร่างกายและสุขภาพ
  1. เด็กที่มีอวัยวะที่สมส่วน
  2. อวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งหายไป
  3. มีปํญหาทางระบบประสาท
  4. มีความลำบาก  จำแนก 2 ประเภท 1. อาการบกพร่องทางร่างกาย 2. ความบกพร่องทางสุขภาพ
ประเภทที่ 5 เด็กบกพร่องทางการพูดและภาษา
          เด็กจะพูดไม่ชัด ออกเสียงผิดเพี้ยน อวัยวะที่ใช้ในการพูดไม่สามารถเป็นไปตามลำดับขั้น
  1. ความผิดปกติด้านการออกเสียง ออกเสียงผิดเพี้ยงไปจากมาตรฐานของภาษาเดิม
  2. ความผิดปกติด้านจังหวะเวลาของการพูด เช่น การพูดรัว การพูดติดอ่าง
  3. ความผิดปกติด้านเสียง ระดับเสียง ความดัง คุณภาพของเสียง
  4. ความผิดปกติทางการพูดและภาษาอันเนื่องมาจากพยาธิที่สมอง
สะท้อนการเรียนรู้
  • ได้ความรู้เกี่ยวประเภทของเด็กพิเศษเพิ่มเติมมากขึ้น
  • ทำให้สามารถจำเนื้อหาการเรียนได้ดีขึ้น เพราะอาจารย์ได้ให้นักศึกษาจดเนื้อหาการเรียนใส่สมุดแต่หลังจากการเรียนอาจารย์จะแจกชีสเนื้อหาให้อีกที
การบ้าน
  • บล็อค(บันทึการเข้าเรียนครั้งที่3)

บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่ 2 (12/11/56)


การเรียนการสอนและกิจกรรมที่ทำในชั้นเรียน
  • วันนี้อาจารย์ได้สรุปคะแนนทั้งหมด ดังนี้
  1. จิตพิสัย 10 คะแนน งานเดี่ยว (วิจัย) 10 คะเเนน 
  2. งานกลุ่ม (นำเสนอ) 20 คะแนน 
  3. บันทึกอนุทินลง Blog 20 คะแนน 
  4. โทรทัศน์ครู 10 คะแนน 
  5. สอบกลางภาค 15 คะแนน 
  6. สอบปลายภาค 15 คะแนน
  • อาจารย์ให้นักศึกษาแบ่งกลุ่ม 9 คน 3 กลุ่ม / 10 คน 2 กลุ่ม โดยมีหัวข้อเรื่องที่ต้องทำ ดังนี้
  1. เด็ก ซี.พีเด็ก
  2. ดาวน์ซินโดรม
  3. เด็กออทิสติก
  4. เด็กสมาธิสั้น
  5. เด็กแอลดี

เนื้อหาที่เรียนในวันนี้

ประเภทของเด็กพิเศษ มี 10 ประเภท แบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ๆ 2 กลุ่ม คือ
  1. กลุ่มเด็กที่มีลักษณะทางความสามารถสูง มีความเป็นเลิศทางสติปํญญา เรียกโดยทั่วๆไปว่า "เด็กสติปํญญาเลิศ"
  2. กลุ่มเด็กที่มีลักษณะทางความบกพร่อง 
กระทรวงศึกษาธิการ ได้เเบ่งออกเป็น 9 ประเภท เพื่อความสะดวกในการคัดเลือกโรงเรียน
  1. เด็กบกพร่องทางสติปัญญา
  2. เด็กบกพร่องทางการได้ยิน 
  3. เด็กบกพร่องทางการเห็น 
  4. เด็กบกพร่องทางร่างกายและสุขภาพ 
  5. เด็กบกพร่องทางการพูดและภาษา 
  6. เด็กบกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์ 
  7. เด็กที่มีปํญหาทางการเรียนรู้ 
  8. เด็กออทิสติก 
  9. เด็กพิการซ้อน 

ประเภทที่ 1 เด็กบกพร่องทางสติปัญญา

          หมายถึง เด็กที่มีระดับสติปํญญาหรือเชาว์ปํญญาต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยเมื่อเทียบเด็กในอายุเดียวกัน มี 2 กลุ่ม คือ 1. เด็กเรียนช้า 2. เด็กปัญญาอ่อน

ประเภทที่ 2 เด็กบกพร่องทางการได้ยิน

          หมายถึง สูญเสียการได้ยินเป็นเหตุให้การรับฟังเสียงต่างๆ ได้ไม่ชัดเจน มี 2 ประเภท คือ 1. หูตึง 2. หูหนวก

ประเภทที่ 3 เด็กบกพร่องทางการเห็น

          เด็กที่มองไม่เห็นหรือพอเห็นแสง เห็นเลือนลาง มีความบกพร่องทางสายตาทั้งสองข้าง สามารถเห็นได้ไม่ถึง 1/10 ของคนสายตาปกติ มีลานสายตากว้งไม่เกิน 30 องศา จำแนกได้ 2 ประเภท คือ 1. เด็กตาบอด 2. เด็กตาบอดไม่สนิท


สะท้อนการเรียนรู้
  • ได้ความรู้เกี่ยวความหมาย ประเภทของเด็กพิเศษ
  • ทำให้สามารถจำเนื้อหาการเรียนได้ดีขึ้น เพราะอาจารย์ได้ให้นักศึกษาจดเนื้อหาการเรียนใส่สมุดแต่หลังจากการเรียนอาจารย์จะแจกชีสเนื้อหาให้อีกที

การบ้าน

  • บล็อค(บันทึการเข้าเรียนครั้งที่2)


บันทึกการเข้าเรียนครั้งที่ 1 (05/11/56)


การเรียนการสอนและกิจกรรมที่ทำในชั้นเรียน
  • อาจารย์เบียร์ได้แจกแนวการสอน(Course Syllabus) พร้อมทั้งชี้แจงและอธิบายรายละเอียดต่างๆให้นักศึกษาทราบ
  • อาจารย์ได้แจกใบบันทึกการเข้าเรียน โดยแต่ละสัปดาห์นักศึกษาจะต้องนำใบบันทึกการเข้าเรียนมาให้อาจารย์เบียร์ปั้ม *สัปดาห์นี้อาจารย์ได้ปั้มรูปคิตตี้สีแดงให้
  • อาจารย์ให้นักศึกษาทำ Mind Mapping ในหัวข้อเรื่องเด็กพิเศษ โดยให้นักศึกษาแต่ละคนนำความรู้ที่มีหรือจากประสบการณ์เดิมมาใส่ พร้อมตกแต่งให้สวยงาม หลังจากนั้นอาจารย์ให้ส่งตัวแทนห้อง 2 คนออกมานำเสนอผลงานให้เพื่อนและอาจารย์ฟัง
สะท้อนการเรียนรู้
  • ทำให้ได้รู้จักการจัดสรรเวลาในการทำงานแต่ละชิ้นแต่ละอย่างได้อย่างเหมาะสม
  • สามารถนำความรู้เดิมๆมาสะท้อนในการทำ Mind Mapping ได้
  • ทำให้รู้จักเป้นคนตรงต่อเวลา
การบ้าน
  • งานเดี่ยว = ทำBlog(การบันทึกการเข้าเรียน) โดยมีหัวข้อดังต่อไปนี้คือ การเรียนการสอน กิจกรรมที่ทำในชั้นเรียน สะท้อนการเรียนรู้ *โดยกิจกรรมที่ทำในชั้นเรียนจะต้องมีรูปภาพชิ้นงานด้วย
  • งานเดี่ยว = สรุปวิจัยเกี่ยวกับเด็กพิเศษ โดยวิจัย 1 เรื่องจะซ้ำกันได้แค่ 2 คน
  1. งานกลุ่ม = แบ่งกลุ่มละ 10 คน